กลุ่มเครือสหายประกอบด้วยคนที่คิดคล้ายๆ กันหรือมีใจจะทำบางสิ่งบางอย่างมารวมตัวกัน ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนักกิจกรรม กลุ่มเครือสหายอาจจะตั้งขึ้นมาโดยคนที่สนใจจะทำงานในประเด็นใดประเด็นหนึ่งมารวมตัวกันและพูดคุยกัน เครือสหายจะกำหนดเป้าหมาย โครงสร้างและวัฒนธรรมกลุ่มของตนเอง
ถ้าเป้าหมายของเราคือการท้าทายสถาบันหรือโครงสร้างที่ไม่เป็นประชาธิปไตย โมเดลกลุ่มเครือสหายช่วยให้เราดำเนินงานอย่างเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นการเผชิญหน้าตรงๆ กับโครงสร้างที่เราท้าทาย นี่หมายความว่ากระบวนการที่กลุ่มเครือสหายใช้นั้นสำคัญพอๆ กับผลลัพธ์ ถ้าเราคิดว่าโลกน่าจะเป็นประชาธิปไตยกว่านี้ ทำไมถึงไม่ทำให้กลุ่มเครือสหายของเราเป็นประชาธิปไตยที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะ กลุ่มเครือสหายให้โอกาสเราในการสร้างอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกว่าเป็นโมเดลการดำเนินงานที่พึงปรารถนา ที่จะบอกว่าอนาคตควรจะเป็นไปอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่มีความหมายมากและน่าท้าทายที่สุด เช่นว่าลำดับชั้นอำนาจมีผลต่อกลุ่มเครือสหายอย่างไร กลุ่มเครือสหายให้โอกาสทุกๆ คนหรือเปล่า แล้วความรับผิดชอบต่อกลุ่มเครือสหายเป็นอย่างไร เหล่านี้เป็นคำถามที่กลุ่มเครือสหายของคุณจะต้องจัดการเสียก่อน แล้วจึงตามมาด้วยคำถามที่ว่า กลุ่มเครือสหายจะรับมือกับประเด็นที่จะทำงานได้อย่างไร
กลุ่มเครือสหายคืออะไร
(จาก Anarchism in Action)
กลุ่มเครือสหายคือกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ ตั้งแต่ 5-20 คนมาทำงานร่วมกันอย่างอิสระไม่ขึ้นกับใครในปฏิบัติการท้าทายซึ่งหน้าหรือโครงการหนึ่งๆ เราเองก็ตั้งกลุ่มเครือสหายขึ้นได้โดยร่วมกับเพื่อนๆ คนในชุมชน ที่ทำงาน หรือองค์กรของคุณ กลุ่มเครือสหายท้าทายการตัดสินใจและการจัดองค์กรชนิดจากบนลงล่าง และสร้างพลังให้คนในกลุ่มได้ออกมาสร้างสรรค์ปฏิบัติการ กลุ่มเครือสหายเปิดโอกาสให้แต่ละคน “เป็น” นักปฏิบัติการที่พวกเขาอยากจะเห็นโดยให้เสรีภาพและอำนาจตัดสินใจอย่างเต็มที่ต่อกลุ่มเครือสหาย โดยธรรมชาติแล้วกลุ่มเครือสหายมีลักษณะกระจายอำนาจและไม่มีลำดับชั้นอำนาจ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญสองประการของการจัดองค์กรและปฏิบัติการแบบอนาคิสต์ โมเดลกลุ่มเครือสหายถูกนำมาใช้ครั้งแรกในสเปนช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีการนำเข้ามาใช้ในปฏิบัติการท้าทายซึ่งหน้าชนิดยอมแตกหักโดยนักกิจกรรมต่อต้านนิวเคลียร์ในช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาใช้ปฏิบัติการท้าทายซึ่งหน้าแบบไม่ใช้ความรุนแรงและไม่รวมศูนย์อำนาจในการปิดถนน ยึดพื้นที่ และขัดขวาง “ธุรกิจตามปกติ” ของนักสร้างนิวเคลียร์และนักก่อสงครามของสหรัฐอเมริกา กลุ่มเครือสหายมีอดีตอันยาวนานและน่าสนใจ อันเนื่องมาจากนักอนาคิสต์และคนงานในสเปนจำนวนไม่น้อย กับนักอนาคิสต์และพวกสุดขั้วในปัจจุบันได้ใช้กลุ่มเครือสหาย โครงสร้างแบบไม่มีลำดับชั้นอำนาจ และกระบวนการตัดสินใจโดยฉันทามติ ในปฏิบัติการท้าทายซึ่งหน้าและการจัดองค์กร
ลำดับชั้นอำนาจ
ถึงแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพ แต่ลำดับชั้นอำนาจไม่มีทางที่จะท้าทายโครงสร้างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ได้เลย พวกเราทุกคนต่างมีทักษะที่จะแบ่งปันกันและกันและสอนกันและกันได้ด้วย ถ้าเรารับหลักการนี้เราก็จะไม่ต้องพึ่งพาคนคนเดียวในการสรุปกระบวนการตัดสินใจทั้งหมดว่าสุดท้ายแล้วจะเอาอย่างไร กลุ่มเครือสหายไม่เพียงเป็นพื้นที่ที่เราจะเรียนและสอนทักษะใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เสียงของพวกเราทุกเสียงมีความสำคัญและถูกรับฟัง ลำดับชั้นอำนาจไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ และดังนั้นจึงไร้ประโยชน์
ปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มอย่างรวมทุกคนเข้าไว้
เสียงแต่ละเสียงในกลุ่มเครือสหายจะพูดเรื่องอะไรบางอย่างที่มีความหมาย จะเติมต่อการสนทนา กระบวนการดำเนินการประชุมนั้นสำคัญพอๆ กับผลที่ได้จากการประชุม อย่าลืมว่าทำไมคุณถึงเตรียมตัวเดินทางเป็นหลายกิโลเมตรล่ะ ก็เพื่อเผชิญหน้ากับสถาบันหรือกลุ่มคนที่มีอิทธิพลบงการชีวิตของเราในกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั่นเอง ใครๆ ก็ฟังเสียงของคนมีอำนาจ ในขณะที่คนมีอำนาจน้อยต้องดิ้นรนเพื่อให้เสียงตัวเองถูกรับฟัง แล้วยังกลุ่มคนชายขอบอีกล่ะ พวกเราคอยแหง็กกันอยู่ข้างนอก พยายามอย่างที่สุดที่เสียงของเราจะถูกได้ยิน แต่พวกคนมีอำนาจไม่แยแสพวกเราเลย ถ้าในการประชุมหรือการจัดตั้งของเราเลียนแบบโครงสร้างอย่างนี้ แล้วเราจะบรรลุอะไรได้สักเท่าไรกัน
- ระวังว่าใครพูดอยู่ คนคนเดียวหรือคนไม่กี่คนกำลังครอบงำวงหรือนำการสนทนาอยู่เรื่อยๆ หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องคอยระวังว่าเป็นเชื้อชาติไหนและเพศไหนด้วย
- เปิดโอกาสให้เสียงที่ไม่ค่อยมีใครได้ยินด้วย
- อย่าบังคับให้ใครพูด
- “ก้าวออกมา/ถอยหลบไป” ถ้าคุณพูดมากแล้วก็คอยหาจังหวะถอยออกจากการสนทนา เวลาที่ดูเหมือนว่าคนอีกหลายคนมีเรื่องพูด แต่ถ้าคุณพูดไม่บ่อยนักก็คอยหาจังหวะออกมาพูดบ้าง เช่นตอนที่คุณมีความรู้สึกรุนแรงต่อเรื่องหนึ่งๆ
ความรับผิดชอบ
การทำงานร่วมกันจะก่อเกิดความหมายใหม่ต่อเมื่อคุณใช้มันเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนโครงสร้างของโลก เครื่องมือนี้นั้นอาจยากและฟันฝ่าให้สำเร็จลุล่วงได้ลำบากมากถ้าไม่มีความเข้าใจกันระหว่างคุณกับเพื่อนในกลุ่มเครือสหาย ประสบการณ์ที่เราเคยพบก็คือ ความรับผิดชอบทำให้เกิดความไว้วางใจที่จะทำให้คุณต่อสู้ร่วมกันแทนที่จะสู้อยู่คนเดียว แม้ว่าประชาธิปไตยที่ไม่มีลำดับชั้นอำนาจเป็นวิธีที่เราพยายามใช้ แต่เราก็มีกฎระเบียบพื้นฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบ อย่างเช่นเรื่องการประชุมและเวลาตื่นนอน ซึ่งจะมาต่อรองไม่ได้ในขณะที่คุณกำลังเข้าร่วมชุมนุมมวลชน นี่เป็นเรื่องความรับผิดชอบต่อกลุ่ม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นประชาธิปไตยมากนัก แต่มันก็ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันระดับหนึ่งและความไว้วางใจ การดูแลคู่หู (บัดดี้) ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในการรับผิดชอบต่อกลุ่ม ถ้าคุณทิ้งคู่หูไปคนอื่นๆ ก็จะรู้สึกถูกทิ้งเหมือนกัน!
ความเป็นมาของกลุ่มเครือสหาย
(จากAnarchism in Action)
ความคิดเรื่องกลุ่มเครือสหายเกิดมาจากขบวนการเคลื่อนไหวของนักอนาคิสต์และคนงานที่ก่อตัวขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต่อสู้กับลัทธิฟาสซิสม์ระหว่างสงครามกลางเมืองในสเปน ขบวนการอนาคิสต์สเปนได้สร้างตัวอย่างขบวนการที่น่าตื่นเต้นขึ้นมา และทำให้เห็นว่าสังคมที่มีการจัดตั้งแบบกระจายอำนาจและประชาธิปไตยทางตรงนั้นเกิดขึ้นได้จริง
กลุ่มเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กๆ เรียกว่า “เตอตูเลีย” (tertulias) นัดพบกันตามร้านกาแฟ คุยกันเรื่องความคิดและวางแผนปฏิบัติการ ในปี ค.ศ. 1888 ยุคของความขัดแย้งทางชนชั้นอันตึงเครียดในยุโรป และการลุกฮือขึ้นของคนท้องถิ่นบวกกับการต่อสู้ในสเปน องค์การอนาคิสต์แห่งภูมิภาคสเปน (Anarchist Organization of Spanish Region) ได้นำเอารูปแบบเตอตูเลียที่ทำกันเป็นประเพณีนี้มาเป็นฐานของการจัดองค์กร
หลายทศวรรษต่อมา สมาพันธ์อนาคิสต์ไอบีเรีย (Iberian Anarchist Federation หรือเอฟเอไอ) ซึ่งมีนักกิจกรรม 50,000 คน ได้จัดองค์กรแบบกลุ่มเครือสหาย และรวมตัวกันตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และสภาระดับชาติ ที่ใดก็ตามที่มีกลุ่มเครือสหายของเอฟเอไอ พวกเขาก็จะรวมตัวกันเป็นสหพันธ์ท้องถิ่น สหพันธ์ท้องถิ่นจะประสานงานกันโดยใช้คณะกรรมการที่ประกอบด้วยตัวแทนรับมอบหมายจากกลุ่มเครือสหายแต่ละกลุ่ม ตัวแทนรับมอบหมายจะถูกส่งจากสหพันธ์ท้องถิ่นไปยังคณะกรรมการภูมิภาค และลำดับสุดท้ายคือคณะกรรมการระดับคาบสมุทร กลุ่มเครือสหายแต่ละกลุ่มเป็นอิสระต่อกันเวลาที่พวกเขาจัดการศึกษา จัดตั้งและสนับสนุนการต่อสู้ในท้องถิ่น ความสนิทสนมกันของกลุ่มทำให้ตำรวจยากจะแทรกซึมเข้ามา
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดตั้งขบวนการที่อาศัยฐานจากกลุ่มเครือสหาย ได้หยั่งรากลงในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1977 เมื่อคนจำนวน 2,500 คนที่จัดตั้งกันเป็นกลุ่มเครือสหายหลายกลุ่มเข้ายึดโรงงานพลังงานนิวเคลียร์นิวแฮมป์เชียร์ที่ซีบรู๊ก ขบวนการต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์และขบวนการต่อต้านการใช้อาวุธที่เติบโตขึ้นได้ใช้โมเดลนี้ ในปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จหลายครั้งตลอดช่วงปลายทศวรรษ 1970 และ 1980 จากนั้นเป็นต้นมาก็มีการนำไปใช้ในขบวนการโซลิดาริตี้อเมริกากลาง (Central America Solidarity Movement) ขบวนการเพื่อเสรีภาพของเลสเบียนและเกย์ ขบวนการเอิร์ทเฟิสต์ (Earth First) และขบวนการเอิร์ทลิเบอเรชัน (Earth Liberation) และอื่นๆ อีกมาก กลุ่มเครือสหายถูกใช้ในปฏิบัติการระดับมวลชนในเมืองซีแอตเทิลเพื่อต่อต้านองค์การการค้าโลก (WTO) และในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อต่อต้านไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก และที่ฟิลาเดลเฟียกับลอสแองเจลิส เพื่อปิดล้อมการประชุมระดับชาติของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต
เครือสหาย (cluster) กับสภาโฆษก (Spokescouncil) คืออะไร
เครือสหาย (cluster) คือกลุ่มเครือสหายหลายกลุ่มมารวมกันเพื่อทำภารกิจหนึ่งภารกิจใด หรือเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการในภาพรวม ดังนั้นเครือหนึ่งๆ อาจรับผิดชอบการปิดพื้นที่หนึ่งๆ รับจัดปฏิบัติการให้หนึ่งวันในช่วงปฏิบัติการยาวหลายวัน หรือรวมกันจัดการแสดงละครข้างถนนชุดใหญ่ เครือสหายอาจจะจัดตั้งกันตามพื้นที่ (เช่นเครือสหายย่านเท็กซัส) หรือตามประเด็น หรือตามสถานะ (เช่น เครือสหายนักศึกษา หรือเครือสหายต่อต้านโรงงานนรก) หรือตามปฏิบัติการที่เลือก (เช่น เครือสหายละครข้างถนนหรือแนวร่วมชุดดำ)
สภาโฆษก (Spokescouncil) เป็นโครงสร้างการจัดตั้งขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ในโมเดลกลุ่มเครือสหายเพื่อที่จะประสานงานปฏิบัติการมวลชน แต่ละกลุ่มเครือสหาย (หรือเครือ) จะมอบอำนาจให้โฆษก (หรือตัวแทน) ไปเข้าร่วมการประชุมสภาโฆษกเพื่อตัดสินใจเรื่องที่สำคัญต่อปฏิบัติการ เช่น กลุ่มเครือสหายต้องตัดสินใจเรื่องยุทธศาสตร์เกี่ยวกับกฎหมายหรือคุก ประเด็นเชิงยุทธวิธีที่เป็นไปได้ สถานที่นัดประชุม และงานด้านการจัดการอื่นๆ สภาโฆษกจะไม่ทำให้กลุ่มเครือสหายแต่ละกลุ่มสูญเสียอิสระในปฏิบัติการของกลุ่ม กลุ่มเครือสหายจะตัดสินใจกันเองว่าพวกเขาอยากจะทำอะไรบนท้องถนน
จะตั้งกลุ่มเครือสหายได้อย่างไร
กลุ่มเครือสหายอาจจะเกิดจากความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มนักกิจกรรมที่มีมาเป็นปีๆ หรืออาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นชั่วสัปดาห์ในปฏิบัติการหนึ่งๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สำคัญที่สุดก็คือเราต้องเข้าร่วมกับกลุ่มเครือสหายที่เหมาะสมกับตนเอง และตรงกับความสนใจของเรา
ถ้าคุณกำลังจะตั้งกลุ่มเครือสหายในเมืองหรือจังหวัดที่ตนอยู่ ลองมองหาเพื่อนหรือนักกิจกรรมที่มีความสนใจในประเด็นเดียวกัน คนที่อยากจะเข้าร่วมปฏิบัติการอย่างเดียวกัน มองหาคนที่เต็มใจจะใช้ยุทธวิธีอย่างเดียวกันด้วย ถ้าคุณต้องการทำการปิดล้อมที่ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงสูง ใครบางคนที่ไม่ต้องการอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นอาจจะไม่ต้องการอยู่ร่วมในกลุ่มเครือสหาย คนคนนั้นอาจจะทำงานด้านสื่อมวลชนหรืองานพยาบาล คงไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าเพื่อนรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากกับยุทธวิธีบางอย่างในปฏิบัติการท้าทายซึ่งหน้า
ถ้าคุณมองหากลุ่มเครือสหายที่จะเข้าไปร่วมในขณะปฏิบัติการมวลชน ประการแรกสุดก็ลองหาว่ากลุ่มเครือสหายกลุ่มไหนเปิดรับสมาชิกใหม่ และกลุ่มไหนเป็นกลุ่มปิด คนหลายคนเห็นว่ากลุ่มเครือสหายต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกันอันเกิดจากการเป็นเพื่อนและร่วมงานกันมาหลายๆ ปี ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่ต้องการให้คนที่ไม่รู้จักอยู่ในกลุ่มเครือสหายด้วย ถ้าคุณหาบรรดากลุ่มเครือสหายที่เปิดรับแล้ว ก็เลือกกลุ่มเครือสหายที่มีประเด็นหรือยุทธวิธีที่คุณรู้สึกสนใจ
กลุ่มเครือสหายทำอะไรกัน
ทุกอย่างนั่นแหละ พวกเขาอาจจะปฏิบัติการมวลชนหรือแบบเล็กๆ กลุ่มเครือสหายอาจจะปล่อยป้ายแขวนขนาดใหญ่ ปิดถนน เป็นกองหนุนให้กลุ่มเครือสหายอื่น เล่นละครข้างถนน ขี่จักรยานเพื่อปิดการจราจร นั่งห้างเฝ้าต้นไม้ (tree-sit) เผชิญหน้ากับตำรวจ ทำลายทรัพย์สินที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ เปลี่ยนข้อความบนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เล่นดนตรีในวงโยธวาทิตเพื่อการเปลี่ยนแปลง ร้องเพลงปฏิวัติ เป็นต้น และอาจจะถึงกับมีกลุ่มเครือสหายที่รับภารกิจหนึ่งใดในปฏิบัติการ เช่นกลุ่มเครือสหายที่ออกตระเวนไปเป็นหมอข้างถนน หรือกลุ่มที่นำอาหารและน้ำไปให้คนที่อยู่บนท้องถนน
สิ่งที่ทำให้กลุ่มเครือสหายมีประสิทธิภาพมากในปฏิบัติการก็คือ ความคิดสร้างสรรค์และเป็นอิสระต่อกัน วางแผนปฏิบัติการของตนเองโดยไม่มีการจัดองค์กรหรือมีคนคอยบงการว่าพวกเขาทำอะไรได้หรือไม่ได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากมายไม่สิ้นสุดว่ากลุ่มเครือสหายจะทำอะไรได้บ้าง จงมีความคิดสร้างสรรค์และพึงระลึกไว้ว่าปฏิบัติการท้าทายซึ่งหน้านั้นเจ๋ง!
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติม “the inefficient utopia or how consensus will change the world”
ผู้แปล: ลภาพรรณ ศุภมันตา
แปลจาก “mass action handbook: getting your community on the road and into the street”, http://www.uproot.info/actionhandbook/index.html
Photo by Micheile Henderson on Unsplash