(โดยกลุ่มจัสต์คอส ลอว์ คอลเล็คทีฟ)
นิยามของการเป็นผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมาย
ผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมายจะเฝ้าจับตามองและบันทึกการปฏิบัติการของตำรวจในการประท้วงหรือการชุมนุม ผู้สังเกตการณ์มีความสำคัญเพราะพวกเขาอาจป้องกันความโหดเหี้ยมของตำรวจได้ และเนื่องจากพวกเขาเก็บรวบรวมข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อกระทบวนการทางศาลในเวลาต่อมา นอกจาก นี้ พวกเขายังช่วยเหลือนักกิจกรรมที่ถูกจับอย่างไม่คาดมาย หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยการแจ้งข่าวให้ทีมหนุนช่วยที่จัดตั้งสำหรับการประท้วง
บทบาทของผู้สังเกตการณ์มีแตกต่างกันไป มีตั้งแต่อาสาสมัครเฝ้าระวังสันติภาพหรือเป็นโฆษก ผู้สังเกตการณ์ไม่ควรเกี่ยวข้องกับการควบคุมฝูงชน การไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง หรือพูดสนับสนุนผู้ประท้วง ตำรวจมักจะมองหาว่าใครเป็นแกนนำที่พวกเขาจะเจรจาต่อรองได้ และสื่อเองก็มักจะมองหานักกิจกรรมที่พวกตนจะสัมภาษณ์ คุณต้องบอกพวกเขาให้ชัดเจนว่าคุณมาอยู่ในที่นั้นในฐานะผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่เป็นโฆษก
ประเภทของการประท้วง
ให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจธรรมชาติของการประท้วงที่คุณสังเกตการณ์ มันเป็นการเดินขบวนที่ได้ขออนุญาตแล้วหรือเปล่า และได้รับอนุญาตแค่ไหน นี่เป็นการประท้วงหรือการชุมนุมคู่ขนานหรือเปล่า นี่เป็นปฏิบัติการทางตรงแบบไม่ใช้ความรุนแรง (หรือการดื้อแพ่ง) หรือเปล่า การชุมนุมประท้วงบางครั้งก็อาจจะมีรูปแบบผสมผสาน อย่างเช่น กลุ่มบางกลุ่มอาจจะแยกตัวออกมาจาการเดินขบวนที่ได้รับอนุญาต เพื่อมาทำปฏิบัติการทางตรงแบบไม่ใช้ความรุนแรง ในขณะที่คนส่วนที่เหลืออาจจะเฝ้าดู หรือเดินต่อไป การรู้จักประเภทของการชุมนุมประท้วงที่คุณสังเกตการณ์จะช่วยให้คุณอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยและได้เปรียบ
คำแนะนำว่าด้วยความปลอดภัย
ในขณะที่ทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมาย จงทำตามคำแนะนำนี้ เพื่อที่จะลดโอกาสที่คุณจะถูกจับเสียเอง และเพิ่มความปลอดภัยกับความน่าเชื่อถือของคุณถ้าหากคุณถูกจับ
- ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าทางกายหรือวาจา ต่อใครทั้งนั้น
- ไม่ทำลายหรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
- ไม่ใช้และไม่พกพายาหรือเหล้า เว้นแต่ที่มีใบสั่งทางการแพทย์
- ไม่พกพาอาวุธ
ต้องทำงานร่วมกัน
ผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมายจะทำงานเป็นคู่ ที่จะสอบทานการหลักฐานของกันและกัน และช่วยระวังความปลอดภัยให้กันและกัน ปกติแล้วคนหนึ่งจะบันทึกภาพและอีกคนหนึ่งจะเขียนบันทึก คนที่ใช้กล้องถ่ายภาพจะต้องมีเพื่อนอีกคนคอยแนะนำและปกป้อง เพราะจะเห็นว่าในที่นั้นกำลังเกิดอะไรขึ้น
การเตรียมการ
ทำให้ตัวเองคุ้นเคยกับพื้นที่ที่คุณจะเข้าไปสังเกตการณ์ จำชื่อถนนและทิศทาง ต้องรู้ว่าจะหาโทรศัพท์สาธารณะ ห้องน้ำ อาหาร แบตเตอรี่หรือฟิล์มได้ที่ไหน เพราะร้านค้าอาจจะปิดในช่วงที่มีการชุมนุมประท้วง แต่บางร้านอาจจะเปิดและช่วยให้พื้นที่แก่เรา
ต้องจำคนได้ว่ามาจากกลุ่มไหน เช่นทีมสื่อสารของนักกิจกรรม ทีมกฎหมาย ทีมแพทย์ ต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ของกลุ่มต่างๆ นั้น ต้องรู้ว่าเต็นท์กลุ่มแพทย์อยู่ตรงไหน และคิดไว้เลยว่าจะบอกทางให้คนไปที่เต็นท์นั้นได้อย่างไร ต้องรู้ว่าสถานีตำรวจและคุกอยู่ที่ไหน และต้องถามถึงสถานที่ที่อาจจะกักขังคนชั่วคราวได้ (เช่นสนามกีฬา คลังสรรพาวุธ หรือโรงยิม บางครั้งก็อาจจะใช้เวลาจับคนจำนวนมาก)
ทบทวนแบบรายงานตำรวจประพฤติมิชอบ เพื่อให้คุ้นว่าข้อมูลประเภทไหนที่ต้องเก็บ ฝึกทำงานกับเพื่อนคู่หู เพื่อให้สะดวกกับการนำข้อมูลที่เป็นวิดีโอหรือภาพถ่ายใส่ลงในแบบบันทึกสำหรับผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมาย และทบทวนเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาหรือการละเมิดกฎหมาย เพื่อที่คุณจะได้ช่วยพิสูจน์ว่าคนถูกจับแบบผิดกฎหมายหรือไม่
ฝึกการกะระยะทาง โดยกำหนดระยะต่างๆ บนทางเดินถนน (เช่น 10 ฟุต/เมตร, 15 ฟุต/เมตร, 20 ฟุต/เมตร, 30 ฟุต/เมตร) และจำไว้ หาความกว้างมาตรฐานของถนนและทางเท้าในที่ที่คุณจะสังเกตการณ์
อุปกรณ์
ในคู่หูที่ทำงานด้วยกัน ต้องมีคนหนึ่งที่สวมนาฬิกาข้อมือที่อ่านง่าย พกปากกาและกระดานคลิปบอร์ดที่เหน็บแบบบันทึกสำหรับผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมาย อย่างน้อย 30 ใบ พกแบบรายงานตำรวจประพฤติมิชอบอย่างน้อย 5 ใบไว้ในที่ที่หยิบง่าย และคุณจะได้ใส่ข้อมูลที่ได้จากแบบบันทึกของคุณ
อีกคนหนึ่งต้องมีกล้องถ่ายรูปหรือกล้องถ่ายวิดีโอ จะใช้กล้องแบบถ่ายครั้งเดียวก็ได้ พกฟิล์ม (ถ้าต้องใช้) หรือแบตเตอรี่ไว้เยอะๆ
คุณควรต้องมีโทรศัพท์มือถือหรือวิทยุติดต่อไว้กับตัว ไม่อย่างนั้นจะยากที่ผู้ประสานงานกลุ่มผู้สังเกตการณ์จะติดต่อคุณให้ไปยังที่ที่พวกเขาต้องการให้คุณไป ถ้าไม่มีก็ต้องไปขอยืมมาและต้องให้แน่ใจว่าผู้ประสานงานรู้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณ
กล้องส่องทางไกลแบบสองตาหรือแบบตาเดียวก็มีประโยชน์ด้วยเหมือนกัน ถ้าคุณใช้กล้องส่องทางไกลก็บันทึกลงไปด้วยว่าใช้ เพื่อให้รายงานของคุณเชื่อถือได้ เช่นเวลาคุณอ้างว่าเห็นหมายเลขประจำตัวตำรวจที่อยู่ห่างไปสัก 50 ฟุต
คุณพูดได้เร็วกว่าเขียน ดังนั้นถ้ามีเครื่องอัดเสียงจะช่วยได้มาก เช่นเครื่องพีดีเอ หรือเอ็มพี3 โทรศัพท์มือถือก็ใช้ได้ เพราะคุณสามารถบันทึกลงในว็อยซ์เมล์ได้ ฝึกใช้เครื่องมือที่คุณมีทุกชนิด เพราะคุณอาจต้องเปลี่ยนไปใช้หลายๆ แบบถ้าเครื่องมือของคุณความจำเต็มหรือแบตเตอรี่หมด
และคุณต้องนำแบตเตอรี่สำรองสำหรับกล้อง อุปกรณ์บันทึกเสียง และโทรศัพท์มือถือไปด้วย
นำถุงพลาสติกแบบซิบ (เหมือนซองยา) ขนาดต่างๆ ไปสักหลายใบ พร้อมกับสติกเกอร์ เอาไว้เขียนบนถุง เพื่อที่คุณอาจจะเก็บหลักฐานบางอย่างได้ และให้นำกระดาษทิชชูและถุงมือยางหรือพลาสิตกแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อใช้จับของที่คุณเก็บได้
ชอล์กก็มีประโยชน์สำหรับการหมายตำแหน่งของคุณบนทางเท้าหรือบนถนน เพื่อที่ว่าคุณจะได้กลับมาที่เดิมได้และวัดระยะทางระหว่างตำแหน่งของคุณกับตำแหน่งที่เกิดเหตุที่คุณสังเกตการณ์ ให้เอาตลับเมตรหรือสายวัดไปด้วยคุณจะได้ไม่ต้องกะเอา แล้วถ่ายรูปที่ที่หมายด้วยชอล์กไว้ด้วย เผื่อถูกลบ
การรักษาหลักฐานให้ปลอดภัย
ผู้ประสานงานของคุณอาจจัดให้มีคนวิ่งเอกสาร ที่จะมารับแบบบันทึก เทปวิดีโอ เม็มโมรีการ์ดของกล้องดิจิตอล หรืออื่นๆ ด้วยวิธีนี้ ถึงคุณจะถูกจับก็ไม่เสียงานที่คุณทำมา อีกทางหนึ่งคุณก็อาจจะเตรียมซองเอกสาร (แบบกันกระแทกสำหรับเทปหรือเม็มโมรีการ์ด) จ่าหน้าซอถึงตัวคุณเอง และติดแสตมป์ให้เรียบร้อย ทุกครั้งที่คุณเก็บหลักฐานได้มากพอ คุณก็หย่อนลงตู้ไปรษณีย์ที่ใกล้ที่สุดได้
ถ้าคุณเห็นตำรวจประพฤติมิชอบ ให้กรอกแบบรายงานตำรวจประพฤติมิชอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดีที่สุดภายในสองสามชั่วโมงก่อนที่จะลืม ทบทวนบันทึกที่คุณเขียนหลายๆ ครั้ง ตอนที่คุณกรอกแบบรายงานเพื่อที่คุณจะได้เก็บรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ให้แน่ใจว่าคุณรู้วิธีและสถานที่ที่จะส่งมอบภาพถ่าย เทปบันทึกเสียง บันทึกและรายงาน ไม่ว่าในกรณีใด คุณไม่อาจส่งมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับใครก็ตามที่พิสูจน์ตัวเองไม่ได้ว่าได้รับหน้าที่จากผู้ประสานงานผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมายให้มารับมอบงานของคุณ มันจะปลอดภัยกว่าถ้าจะส่งมอบหลักฐานของคุณโดยตรงไปยังสำนักงานของผู้ประสานงานโดยไปส่งเองหรือส่งไปรษณีย์
การแต่งกาย
แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่จะบ่งบอกว่าคุณเป็นผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมาย ควรมีเสื้อยืด แถบแขนเสื้อ หมวก หรือป้ายชื่อ ที่ระบุว่า “ผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมาย” ตัวอย่างเช่นกลุ่มเนชันแนล ลอเยอร์ กิลด์ ใช้หมวกแก๊บสีเขียวสะท้อนแสง ให้สอบถามกับผู้ประสานงานของคุณ
คุณจะได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นและมีโอกาสถูกจับน้อยลงถ้าคุณแต่งตัวแบบเรียบร้อย ลองดูการแต่งตัวของนักข่าวกระแสหลัก ซึ่งมักจะเป็นเครื่องแต่งกายที่สวมสบายและไม่เตะตา
นำเสื้อผ้าสำรองไปด้วยโดยเก็บไว้ในซองพลาสติกปิดผนึก คุณอาจต้องใช้ถ้าเสื้อผ้าของคุณที่สวมอยู่เปื้อนแก๊สน้ำตาหรือสเปรย์พริกไทย สวมถุงเท้า นำหมวกและแว่นกันแดดไปด้วย อย่าสวมเน็คไท ผ้าพันคอ หรือเครื่องประดับ (โดยเฉพาะแบบเจาะเสียบกับร่างกาย) ที่อาจจะจับและลากคุณไปได้
สิ่งที่นำไปด้วย
นำเงินสำหรับค่าอาหาร ค่าเดินทางหรือสำหรับโทรศัพท์มือถือ นำน้ำกับอาหารไปให้พอ น้ำให้นำไปมากกว่าที่คุณจะดื่ม เพราะคุณอาจจะใช้ล้างแผลหรือล้างแก๊สน้ำตาหรือสเปรย์พริกไทย อาจเอาน้ำใส่ขวดแบบบีบได้ ควรมีครีมกันแดดและชุดปฐมพยาบาล ถ้าคุณต้องใช้ยาที่แพทย์สั่ง ให้เอาไปทั้งบรรจุภัณฑ์เดิมของยานั้น และให้มีฉลากทางเภสัชอยู่ด้วย ถ้าคุณเป็นโรคหอบหืดหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจอื่นๆ ให้นำยาไปด้วย เพื่อป้องกันตัวเองจากอาวุธเคมี
อาวุธเคมี
การใช้แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยกับนักกิจกรรมมีเพิ่มขึ้นมาก จงอย่าสวมคอนแท็กเลนส์ สารระคายเคืองที่เป็นเคมีที่ถูกดูดซับหรือกักไว้ภายใต้คอนแท็กเลนส์ จะทำลายดวงตาได้
มีบางคนที่นำหน้ากากกันแก๊สไปยังที่ประท้วงด้วย แม้ว่าหน้ากากนี้จะสะดุดตาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม ถ้าคุณคิดจะนำไปด้วย ให้เอารุ่น M17A1 หรือเทียบเท่าที่มีเลนส์กันแตกและตัวกรองที่ไม่ใช่แร่ใยหิน หรือตัวเลือกอื่นได้แก่ แว่นตาสำหรับว่ายน้ำ หรืออุปกรณ์ปิดจมูกที่มีที่กรอง (มีขายที่ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง) หลีกเลี่ยงการสวมหน้ากากหรือการใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ปิดจมูกไว้นานเกินจำเป็น เพราะตำรวจอาจจะกระตือรือร้นในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการสวมหน้ากากในที่ประท้วงก็ได้
อย่าทาวาสลิน น้ำมันแร่ ครีมที่ทำให้ผิวชุมชื้น หรือเครื่องสำอางแต่งหน้า ที่ผิว ให้ใช้ครีมกันแดดที่ ไม่มีน้ำมัน อาวุธเคมีจะจับกับสารที่มีน้ำมันและชำระออกได้ยาก
เสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันคุณจากอาวุธเคมีได้ดีคือเสื้อผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ที่กันน้ำ (พวกผ้าร่ม เช่นเสื้อแจ๊กเก็ตกันลม และกางเกงกีฬา)โดยเฉพาะที่คลุมถึงคอ ข้อมือ และ ข้อเท้า ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ถ้าเสื้อผ้าเก่าถูกอาวุธเคมี ให้นำเสื้อผ้าสำรองใส่ในถุงพลาสติกปิดผนึกไปด้วย
อาวุธไม่ร้ายแรง
ในที่ประท้วงหลายแห่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอาจจะยิงอาวุธ “ไม่ร้ายแรง” ที่รวมถึงกระสุนยาง (มีขนาดตั้งแต่เท่าเม็ดถั่วจนถึงก้อนหิน) กระสุนไม้ (เดือยขนาด 1 นิ้ว ยาวนิ้วครึ่ง) และถุงถั่ว (ถุงตาข่ายขนาด 3×4 นิ้วใส่ขุยพลาสติก)
อาวุธพวกนี้จำทำให้เกิดบาดแผลลึกและกระดูกหักได้ แต่ที่เป็นอันตรายที่สุดก็คือดวงตาของคุณ สำหรับการป้องกัน ให้นำหน้ากากพลาสติกแบบโล่สำหรับช่างไม้ (มีขายที่ร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง) โดยสวมทับแว่นตาหรือแว่นตาสำหรับว่ายน้ำ เพราะทั้งสองอย่างนี้แตกได้)
หมายเหตุ ผู้สังเกตการณ์ด้านกฎหมายมักจะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ ซึ่งจะเกิดความรู้สึกรับผิดชอบทางมโนธรรมที่จะเข้าไปแทรกแซง โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นสถานการณ์เช่นผู้สังเกตการณ์พบเห็นนักกิจกรรมกำลังถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายทำร้ายอย่างรุนแรง และพยายามพูดกับเจ้าหน้าที่ หรือเข้าไปกันเหยื่อโดยไม่ใช้ความรุนแรง ถ้าคุณตระหนักว่าจำเป็นต้องละทิ้งบทบาทผู้สังเกตการณ์แล้ว จงจำว่า
- ต้องไม่ใช้ความรุนแรง
- ต้องแสดงออกว่าคุณละทิ้งบทบาทผู้สังเกตการณ์แล้ว โดยการถอดสัญลักษณ์ เช่นหมวก แถบแขนเสื้อ หรืออื่นๆ ออกจากตัว
- ต้องส่งมอบบันทึกและอุปกรณ์ของคุณให้กับผู้สังเกตการณ์คนอื่น
รายการตรวจสอบสำหรับผู้สังเกตการณ์ทางกฎหมาย
- รายละเอียดของเหตุการณ์ที่ตำรวจประพฤติมิชอบ (เช่นการทำร้ายด้วยวาจา การจับกุมแบบไม่ชอบด้วยกฎหมาย การใช้กำลังเกินความจำเป็น) เช่น วันที่ เวลา และสถานที่ ที่ถูกต้อง ให้บันทึกด้วยถ้าตำรวจไม่ได้กล่าวเตือน หรือไม่ยอมปล่อยให้สลายตัว และอื่นๆ
- ชื่อเล่นหรือชื่อกลุ่มเครือสหายของเหยื่อ
- ชื่อ ที่อยู่ อีเมล์ และหมายเลขโทรศัพท์ของพยานคนอื่น
- ชื่อและวิธีการติดต่อ สำหรับนักข่าว ช่างภาพ หรือช่างภาพวิดีโอ
- จำนวนเจ้าหน้าที่ และยานพาหนะของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย
- ชื่อ ยศ และหมายเลขของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สั่งการ (บันทึกไว้ด้วย ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล)
- ชื่อ ยศ หมายเลขประจำตัวเจ้าหน้าที่ รายละเอียด และหน่วยของเจ้าหน้าที่แต่ละคนที่อยู่ในที่นั้น (บันทึกไว้ด้วย ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล)
- หมายเลขทะเบียนรถของรถตำรวจ
- หมายเลขทะเบียนรถของรถส่วนบุคคลที่วิ่งผ่านที่ประท้วง
- เครื่องมือและอาวุธของตำรวจ เช่นเสื้อเกราะ โล่ กระบอง แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย ปืนไฟฟ้า กระสุนยาง กระสุนไม้ ถุงถั่ว จรวดสติงเกอร์ เป็นต้น
- ตำรวจใช้อาวุธชนิดไหน และใช้อย่างไร เช่นนักประท้วงถูกพ่นสเปรย์พริกไทยใส่ มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่คน แทนที่จะยิ่งไปที่ถนน ขี่ม้าหรือขับยานพาหนะชนใส่คน เป็นต้น
- เส้นทางที่นักประท้วงและตำรวจใช้
- แถลงการณ์ของตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจที่สั่งการ และเจ้าหน้าที่พลเรือน และคำสั่งหรือคำเตือนนั้นดังจนได้ยินได้หรือไม่ หรือเข้าใจได้หรือไม่
โดยคัทยา โคมิซารัก (2004)
กลุ่มจัทต์คอสลอว์คอลเล็กทีฟ
ผู้แปล: ลภาพรรณ ศุภมันตา
แปลจาก “mass action handbook: getting your community on the road and into the street”, http://www.uproot.info/actionhandbook/index.html